12 ก.ย. 2554

ภาษาศาสตร์แบบกำหนดและภาษาศาสตร์แบบบรรยาย (Prescription and description)



งานวิจัยทางภาษาศาสตร์ส่วนใหญ่มักจะเป็นแบบบรรยายบริสุทธิ์ (purely descriptive) นั่นคือ นักภาษาศาสตร์จะหาหนทางเพื่อสร้างความกระจ่างในธรรมชาติของภาษา โดยไม่มีการกำหนดวิธีการล่วงหน้าหรือพยายามที่จะหาทิศทางของภาษาในอนาคต อย่างไรก็ตามมีทั้งนักภาษาศาสตร์มืออาชีพและมือสมัครเล่นที่กำหนดกฏเกณฑ์ล่วงหน้า (prescribe) ให้กับกฏของภาษา โดยจะมีมาตรฐานเฉพาะเพื่อให้ผู้อื่นได้ปฏิบัติตาม
นักกำหนดกฏเกณฑ์ (Prescriptivist) มักจะพบได้ในผู้สอนภาษาในระดับต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะมีกฏเกณฑ์ชัดเจนที่ตัดสินว่า อะไรถูก อะไรผิด และอาจทำหน้าที่รับผิดชอบการใช้ภาษาอย่างถูกต้องของคนในรุ่นถัดไป ส่วนมากภาษาที่ควบคุมมักจะเป็นภาษาที่ใกล้เคียงภาษามาตรฐาน (en:acrolect) ของภาษาหนึ่งๆ เหตุที่นักกำหนดกฏเกณฑ์เหล่านี้ไม่สามารถทนเห็นการใช้ภาษาผิดๆ นั้น อาจจะเกิดจากความไม่ชอบในคำที่เกิดขึ้นใหม่ (en:neologismภาษาถิ่นที่สังคมไม่ยอมรับ (en:basilect) หรือความขัดแย้งเพียงเล็กน้อยกับทฤษฎีที่เข้มงวด นักกำหนดกฏเกณฑ์สุดโต่งอาจจะพบเห็นได้ในกลุ่มนักเซ็นเซอร์ ซึ่งเป้าหมายของคนกลุ่มนี้คือกำจัดคำและโครงสร้างไวยากรณ์ที่คิดว่าจะบ่อนทำลายสังคม
ในทางกลับกัน นักอธิบายกฏเกณฑ์ (Descriptivist) จะพยายามหารากเหง้าของการใช้ภาษาไม่ถูกต้อง นักอธิบายกฏเกณฑ์จะอธิบายการใช้ภาษาแบบดังกล่าวให้เป็นการใช้ภาษาเฉพาะแบบ (idiosyncratic usage) หรืออาจจะค้นพบกฏซึ่งอาจจะขัดกับนักกำหนดกฏเกณฑ์ ภาษาศาสตร์แบบบรรยาย(en:descriptive linguistics) ตามบริบทของงานภาคสนาม (en:fieldwork) จะหมายถึงการศึกษาภาษาโดยแนวทางของนักอธิบายกฏเกณฑ์ (มากกว่าที่จะเป็นแนวทางของนักกำหนดกฏเกณฑ์) วิธีการของนักอธิบายกฏเกณฑ์จะใกล้เคียงกับวิธีการทางวิทยาศาสตร์ในสายวิชาการอื่นๆ มากกว่าวิธีการของกำหนดกฎเกณฑ์

ไม่มีความคิดเห็น: