15 ก.ย. 2553

การเรียนภาษาต่างๆในทรรศนะของอิสลาม


ตอบคำถามโดย ชัยคฺ ดร. ยูซุฟ อัล เกาะเราะฎอวียฺ
อุมมุ ซัจญาด แปลและเรียบเรียง

คำถาม: อัสลามุอะลัยกุม........การเรียนภาษาต่างๆเป็นข้อกำหนด(ฟัรฎู)ของศาสนาสำหรับมุสลิมด้วยหรือเปล่า? โดยเฉพาะปัจจุบันนี้ภาพพจน์อิสลามกำลังถูกบิดเบือน
คำตอบ: หนึ่งในฟัรฏู กิฟายะฮฺ(คือเป็นข้อกำหนดบังคับเหนือสังคมมุสลิมที่ต้องจัดสรรให้เพียงพอต่อความต้องการ)ที่ถูกสั่งใช้แก่ประชาชาติมุสลิมทั้งหมดก็คือ การเรียนรู้ภาษาของกลุ่มชนต่างๆ เมื่อมีความจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากกลุ่มคนเจ้าของภาษานั้นครอบครองในสิ่งที่สูญหายไปจากมุสลิม[1] อันได้แก่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และความรู้ด้านอื่นๆ ซึ่งย่อมเป็นไปไม่ได้เป็นแน่ที่เราจะเอาประโยชน์จากกลุ่มชนนั้น หากเราปฏิเสธภาษาของพวกเขา
นอกจากนี้ อิสลามไม่เคย “ห้าม” การเรียนรู้ภาษาของกลุ่มชนต่างๆ ยิ่งกว่านั้นอิสลามได้ส่งเสริมให้มุสลิมเรียนรู้ภาษาของผู้อื่น ในฐานะที่มันเป็น “ตัวกลาง”ในการสื่อสารระหว่างผู้คน และเป็น “สื่อ” ในการเผยแผ่สาส์นแห่งอิสลามให้กระจายไปทั่วโลก
ด้วยเหตุนี้เอง การศึกษาภาษาต่างๆจึงถูกจัดว่าเป็น ฟัรฏู กิฟายะฮฺ
ถึงแม้ว่าท่านนบีมูฮัมมัด(ซ.ล)เป็นชาวอาหรับ และคัมภีร์ที่ลงมายังท่านนั้นก็เป็นภาษาอาหรับเพื่อชี้นำกลุ่มชนของท่าน(เป็นอันดับแรก)แต่สาสน์แห่งอิสลามเป็นสาสน์ “สากล”และมุฮัมมัดเป็นถูกส่งมาเพื่อนำทางสำหรับมวลมนุษยชาติไปสู่วิถีทางที่เที่ยงธรรม อัลลลอฮได้ตรัสถึงเรื่องนี้ว่า
“ เพื่อเขา(มุฮัมมัด )จะได้เป็นผู้ตักเตือนแก่ปวงบ่าวทั้งมวล”(อัล-ฟรุกอน อายะที่1)
“ และเรามิได้ส่งเจ้า(มุฮัมมัด )มาเพื่ออื่นใดนอกจาก เพื่อเป็นความเมตตาแก่ประชาชาติทั้งหลาย”(อัล-อัมบิยาอ์ อายะที่107)
“ จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด )ว่า โอ้มนุษย์ทั้งหลาย แท้จริงฉันคือ ผู้นำสาส์นของอัลลอฮมายังพวกท่านทั้งหลาย”(ซูเราะฮ อัล-อะฮรอฟ อายะฮฺที่158)

ด้วยเหตุนี้เอง จำเป็นต้องมี “สื่อกลาง” ในการติดต่อระหว่างศาสนทูตและผู้คนในภาษาอื่นๆ(ที่ไม่ใช่ภาษาอาหรับ) เพื่อที่จะกระจายสาส์นแห่งอิสลามออกไปให้ถึงพวกเขา
เพื่อให้มองเห็นชัดเจนขึ้น ตัวอย่างก็คือท่านนบีมูฮัมมัดได้ส่งสหายของท่านที่มีความรู้ภาษาต่างๆ เช่น ภาษาเปอร์เซีย โรมัน และเอธิโอเปีย ซึ่งพวกเขาสามารถแปลภาษานั้นเป็นภาษาอาหรับหรือแปลภาษาอาหรับเป็นภาษานั้นๆได้ แต่ท่านนบีมูฮัมมัดไม่มีสหายท่านไหนที่มีความรู้ภาษาซีเรีย ซึ่งเป็นภาษาที่ชาวยิวใช้เขียน
ดังนั้น ท่านนบีมูฮัมมัดมีคำสั่งให้อัจฉริยะบุคคลอย่างท่านเซด อิบนุ ซาบิต อัล อันซารี ซึ่งท่านเป็นหนึ่งในสหายที่ทำหน้าที่บันทึกวะหฺยุ(คืออัลกุรอาน) ให้ไปศึกษาวิธีการอ่านและเขียนภาษาซีเรีย เพื่อที่ท่านนบีสามารถบอกเลิกชาวยิวที่เขียนจดหมายภาษาซีเรียให้แก่ท่าน ซึ่งท่านไม่ไว้ใจเขา
ท่านเซดได้รายงานว่า“ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ ได้สั่งให้ฉันได้เรียนภาษาซีเรีย ซึ่งพวกยิวเคยเขียนให้ท่าน โดยท่านกล่าวว่า ‘ขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮ ฉันไม่เคยเชื่อใจพวกเขาเกี่ยวกับจดหมายของฉันเลยหลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งเดือน ฉันได้รู้ภาษานั้น และมีซาบซึ้งยิ่งที่ได้ทำหน้าที่นั้น ก็คือการเขียนจดหมายให้กับท่านนบีถึงพวกเขา(ด้วยภาษาซีเรีย)และอ่านจดหมายนั้นให้กับท่านด้วย”(รายงานโดย บุคอรี อบู ดาวูด และ ติรมีซีย์ )
อาจจะเป็นไปได้ว่าที่ท่านเซดจะมีความรู้ในภาษาซีเรียมาก่อนหน้านั้นบ้างเล็กน้อย(เพราะท่านเคยมีเพื่อนบ้านเป็นชาวยิว) ดังนั้น ท่านจึงสามารถเรียนรู้และมีความเป็นเลิศในภาษานี้ได้อย่างรวดเร็ว
ยิ่งกว่านั้น ในช่วงแห่งความรุ่งเรืองของอารยธรรมอิสลาม ได้มีมุสลิมจำนวนมากที่กระตือรือร้นในการศึกษาภาษาต่างๆ และได้แปลภาษาเหล่านั้นเป็นภาษาอาหรับและแปลภาษาอาหรับกลับไปเป็นภาษานั้นเช่นกัน ดังกวีอาหรับคนหนึ่งได้กล่าวว่า
การรู้ภาษามากเท่าใดย่อมมีประโยชน์กับตัวท่านมากเท่านั้น
ภาษาจะช่วยบรรเทาภัยร้าย
กระตือรือร้นในการศึกษาภาษาต่างๆ เถิด
เพราะแต่ละภาษาที่ท่านรู้ คือมนุษยชาติ

1 ความคิดเห็น:

คุณครู เอบีซี กล่าวว่า...

สลามทุกท่านที่เยียมเว็ปนี้...please leave your comment...Thanks